วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

Review Yummly App ที่รวบรวมสูตรการทำของกินทุกอย่าง



สำหรับใครที่เป็นพ่อครัว แม่ครัวใหม่มือใหม่หรืออยากทำอาหารกินเองแล้วล่ะก็ เรื่องทำอาหารก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วยแอปฯ Yummly ที่รวบรวมสูตรการทำอาหาร ด้วยเมนูอาหารที่หลากหลายทั่วโลกเช่น อาหาร ไอศกรีม เครื่องดื่ม ฯลฯ นอกจากนี้ยัง Yummly ยังบอกด้วยว่าอาหารที่จะทำจะได้ปริมาณสารอาหารกี่แคลครอรี่โดนใจสำหรับใครที่กำลังควบคุมอาหารอยู่สำหรับฟีเจอร์นี้ ครบเครื่องเรื่องอาหารจริงๆครับ โดยส่วนตัวแล้วผมถือว่าเป็นอีก App หนึ่งที่มีการออกแบบ UI ได้ลงตัวสวยงามมาก


ก่อนที่จะใช้งานแอปฯจะต้องล็อคอินผ่าน Facebook Account , Google Account
  • ในส่วนของ Home จะแสดง Feed เมนูอาหารยอดฮิต 
  • หรือจะ Search เมนูอาหารตามต้องการ
  • นอกจากนี้ยังๆสามารถเก็บเป็น My Yums  ตามชนิดได้ เช่น Breakfasts, Dessert, Dinner, Drink, Side




เมื่อคลิกที่เมนูอาหารจะในหน้าจะประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆคือ
  1. Ingredients: ส่วนผสมประกอบด้วยอะไรบ้าง
  2. Nutrition: สารอาหารที่ได้รับ ซึ่งจะให้หน่วยเป็นแคคลอรี่
  3. Direction: คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำอาหาร

สำหรับเมนูอาหารไหนถูกใจ ผู้ใช้สามารถแชร์ผ่าน Facebook, Twitter ผ่านแอปฯได้เลย


 Download App ได้ที่:
**ตอนนี้ยังมีใช้งาน iOS  เท่านั้น 



วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

NAS คืออะไร และถูกนำไปใช้งานแบบไหนได้บ้าง ?




ในยุคของข้อมูลดิจิตอล ทั้งไฟล์หนัง เพลง รูปภาพ ฯลฯ ที่หลายคนต้องการพื้นที่เก็บจัดเก็บข้อมูลในรูปของ ฮาร์ดดิส  Could DVD ฯลฯ โดย NAS หรือ Network Attached Storage คล้ายกับฮาร์ดดิส เปรียบเสมือนไฟล์เซิฟเวอร์ขนาดใหญ่ เป็นอุปกรณ์ที่มีระบบต่างๆ เพิ่มเข้ามาจากเดิมที่มีแค่สาย USB ต่อกับคอมพิวเตอร์โดยตรง แต่ NAS สามารถมีสายแลนหรือเชื่อมต่อผ่าน Wifi ได้ มีประโยชน์คือสามารถแชร์ไฟล์ให้กับหลายๆคนได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้เพื่อแชร์ข้อมูล แต่เปิดแค่ NAS ทิ้งไว้เท่านั้น ทำให้ประหยัดไฟได้มากกว่า 






รูปร่างหน้าตา

  • NAS Storage มีรูปร่างเป็นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ สามารถบรรจุฮาร์ดดิสได้ตั้งแต่ 4 - 100 ลูก

การติดตั้ง

  • ติดตั้ง NAS Storage พร้อมกำหนด IP Address
  • เสียบสายแลนเข้ากับเร้าเตอร์
  • สร้าง folder ใน NAS Storage และกำหนด Username/Password
  • เชื่อมต่อ PC กับ Folder ที่สร้างไว้

จำนวนฮาร์ดดิส

  • NAS กล่องเล็กๆสำหรับองค์กรเล็กๆ แชร์ไฟล์ในองกรค์ประมาณ 5 - 10 คน 
  • NAS เอง สามารถเพิ่มฮาร์ดดิสได้ตาม หากองค์กรขนาดใหญ่อาจใช้ฮาร์ดดิสมากถึง 100 ลูก หรือตามจำนวนบุคลากรภายในขององค์กรได้

ความสามารถของ NAS Storage

NAS มีฟีเจอร์มากมายให้เลือกตามขอบเขตของงาน

สำหรับใช้งานในบ้านหรือแชร์ไฟล์ให้กับอุปกรณ์อื่นๆ
  • สามารถสร้าง Folder สำหรับผู้ใช้งาน และสามารถใช้งานได้หลายอุปกร์ พร้อมทั้งกำหนดขนาดพื้นที่สูงสุดให้กับผู้ใช้งานได้
  • จำกัดสิทธ์การเข้าถึง Folder ให้ละบุคคลได้ 
หรือหากใช้ในองค์กร จำเป็นต้องมีฟีเจอร์เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

  • NAS Storage ทีเ่ก็บข้อมูลได้หลากหลายชนิด
  • NAS Storage สำหรับกล้อง CCTV 



วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

Erlang Programming Language



วันนี้เรามาทำงานรู้จักภาษาคอมพิวเตอร์คือ Erlang เป็นแพตฟอร์มหรือภาษาโปรแกรมมั่ง ที่ทำงานแบบคู่ขนาน (Concurrent)  โดยภาษา JAVA, C, C++ เขียนแอปพลิเคชั่นที่ใช้กับ Processor แบบ Multicore ได้ไม่ดีมากนัก เพราะว่าไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานแบบนี้

หลังจากรู้ข้อดีของ Erlang  ดังนั้นจึงได้ถูกนำไปใช้ในโปรเจคต่างๆ ทั้งอุปกรณ์และ Open Source เช่น ATM Switch และ CouchDB

ภาษา Erlang ถูกคิดค้นโดย Ericson และเขานำโค๊ดไปใช้ในบริษัทของเขาเอง กว่า 1 แสนบรรทัดและเขียนโค๊ดร่วมกันภาษา C++ อีกด้วย

การใช้งาน Erlang ใน Windows 

สำหรับการใช้งานใน Windows คำสั่งจะเหมือนกับในระบบปัฏบัติการยูนิกส์ สามารถเข้าไปโหลด OTP R16B03-1 สำหรับ Windows ได้ที่ลิ้งค์  http://www.erlang.org/download.html

The Erlang Shell
ต่อไปเราจะเปิด Erlang Shell ขึ้นมาใช้งาน พิมพ์คำสั่ง >erl ใน Command การพิมพ์คำสั่งแต่ละครั้งต้องลงท้ายด้วย . เสมอ


Erlang Atom

อะตอมคือส่วนที่เป็น String แต่ไม่ใช่ Integer เช่น {123,abc} ประกอบด้วย 2 ส่วนที่เป็นอะตอมคือ abc การประกาศอะตอมจะขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์เล็กแล้วตามด้วย _ เช่น red, person, me@hotmail นอกจากนี้อะตอมยังถูกครอบด้วยเครื่องหมาย ' ได้อีกด้วย สำหรับอะตอมตัวอักษรหรืออักขระพิเศษ

Erlang Tuples

Tuple คือกลุ่มของข้อมูล erlang ที่แตกต่างกันประกอบกันอยู่ในรูปแบบของคอนเลคชั่น และแต่ละอยู่ในเครื่องหมายปีกา แต่ละ Tubple ถูกแบ่งด้วยเครื่องหมายลูกน้ำ (,) ซึ่งจะอยู่ในรูปบบ ,{...} , ยกตัวอย่างเช่น {abc,123} ส่วนอะตอมที่เป็นตัวแรกของ Tuple เป็นข้อตกลงของ Erlang ที่เราควรรู้ไว้ ซึ่งจะเรียกว่า (TAG) โดยเอาไว้เพื่อบอกประเภทของข้อมูลเช่น {person,'pick'} อะตอม person คือประเภทของบุคคล และอะตอม pick คือข้อมูล
การใช้แทกถือเป็นข้อปฏิบัติที่ดีในการเขียนโปรแกรมด้วยเอิร์ลแลงนอกจากนี้ทัปเปิลยังมีฟังก์ชั่นแบบบิวด์อินมาให้ใช้งานอีกด้วยเช่น

1> tuple_size({abc, {def, 123}, ghi}).
3
2> element(2,{abc, {def, 123}, ghi}).
{def,123}
3> setelement(2,{abc, {def, 123}, ghi},def).
{abc,def,ghi}
4> {1,2}<{1,3}.
true
5> {2,3}<{2,3}.
false
6> {1,2}=={2,3}.
false

Erlang Lists

ลิสท์ในเอิร์ลแลงเป็นที่สำหรับเก็บชุดของอิลิเมนท์คล้ายๆกับทัปเปิลแต่กระบวนการทำงานกับลิสท์นั้นแตกต่างจากทัปเปิลมากๆ ก่อนอื่นเรามาเริ่มจากวิธีการสร้างลิสท์ก่อน โดยเราสามารถสร้างลิสท์ได้โดยการใช้เครื่องหมาย [...] และแต่ละอิลิเมนท์จะถูกคั่นด้วยเครื่องหมายลูกน้ำ , โดยที่อิลิเมนท์ในลิสท์ม่จำเป็นจะต้องเหมือนกัน เช่น

[january, february, march]
[123, def, abc]
[a,[b,[c,d,e],f], g]
[]
[{person, 'Joe', 'Armstrong'}, {person, 'Robert', 'Virding'},
{person, 'Mike', 'Williams'}]
[72,101,108,108,111,32,87,111,114,108,100]
[$H,$e,$l,$l,$o,$ ,$W,$o,$r,$l,$d]
"Hello World"


Erlang List Functions and Operations
ลิสท์เป็นประเภทของข้อมูลที่มีประโยชน์มากที่สุดของเอิร์ลแลงเลยก็ว่าได้ และเมื่อนำมาใช้งานร่วมกับทัปเปิลทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอีก เนื่องจากเราสามารถใช้แทน ข้อมูลที่มีโครงสร้างซับซ้อนได้ทั้งหมด เช่นเรามักจะใช้ลิสท์เก็บกลุ่มของออบเจคที่สามารถถูกแยกไปเป็นกลุ่มย่อยๆ เพื่อนำไปรวมกันใหม่เพื่อทำการวิเราะห์ที่เราต้องการได้

ลิสท์เองก็เตรียมโอเปอร์เรชั่นหลายๆอย่างมาให้เราใช้งานได้เลยดังตัวอย่าง โดยที่โอเปอร์เรชั่นเหล่านี้ไม่ใช้ BIFs ดังนั้นการเรียกใช้งานจำเป็นต้องใช้เครื่องหมาย : คั่น
1> lists:max([1,2,3]).
3
2> lists:reverse([1,2,3]).
[3,2,1]
3> lists:sort([2,1,3]).
[1,2,3]
4> lists:split(2,[3,4,10,7,9]).
{[3,4],[10,7,9]}
5> lists:sum([3,4,10,7,9]).
33
6> lists:zip([1,2,3],[5,6,7]).
[{1,5},{2,6},{3,7}]
7> lists:delete(2,[1,2,3,2,4,2]).
[1,3,2,4,2]
8> lists:last([1,2,3]).
3
9> lists:member(5,[1,24]).
false
10> lists:member(24,[1,24]).
true
11> lists:nth(2,[3,4,10,7,9]).
4
12> lists:length([1,2,3]).
** exception error: undefined function lists:length/1
13> length([1,2,3]).
3



ที่มา: http://roofimon.exteen.com/20091209/erlang-5-list


วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557

ใครที่ชอบเสียงเพลงเป็นชีวิตจิตใจพลาดไม่ได้กับแอปพลิเคชั่น Deezer

วันนี้เจ้าของบล็อกจะมารีวิวแอปพลิเคชั่น Deezer ว่ามีดีอย่างไร
Deezer  ให้บริการด้านการฟังเพลงออนไลน์ ที่ทำให้คุณสามารถฟังเพลงออนไลน์ ได้มากกว่า 25 ล้านเพลง กว่า 182 ประเทศทั่วโลก ฟังได้ทุกเวลา ครบทุกเพลงทั้งเก่าและใหม่ หากใครเป็นคนที่ชอบฟังเพลงบอกเลยว่าแอปพลิชั่นนี้ก็คุ้มจริงนะครับ

เว็บไซต์: http://www.deezer.com

่เรามาเริ่มด้วยหน้าตาเว็บไซต์ Deezer กันเลยดีกว่า เจ้าของกระทู้ขออธิบายก่อนว่า Deezer สามารถเปิดได้บนบราวเซอร์และแอปพลิเคชั่นบนระบบ Android, iOS และ Windows phone



ฟีเจอร์ Deezer หลักที่สำคัญ
- ฟังกว่า 30 ล้านเพลงได้อย่างไม่จำกัด
- ซิงค์เพลงไว้ในอุปกรณ์ของคุณเพื่อฟังขณะออฟไลน์
- ฟังเพลงได้อย่างถึงใจ ไม่มีโฆษณา ไม่มีการหยุดชะงัก
- รับการแนะนำที่เลือกสรมาโดยเฉพาะจาก Deezer Editors ที่ "ฟังเพลงนี้" บริการเพลงส่วนตัวของคุณ
- ฟัง MP3 ของคุณที่อัปโหลดไว้ใน Deezer
- เข้าสู่เพลงของคุณได้จากคอมพิวเตอร์ มือถือ และแท็บเล็ต
- พบกับสถานีเพลงตามศิลปินหรือประเภทดนตรีได้นับร้อยนับพัน
- ควบคุมการเล่นซํ้าจากหน้าจอห้องนั่งเล่น

บริการของและค่าใช้จ่ายของ Deezer
1.Discovery : ฟรี สำหรับเดือนแรกฟังเพลงได้ไม่จำกัด หลังจากนั้น สามารถฟังได้ 2 ชม./เดือน
2.Premium : 89 บาท/เดือน
3.Premium+ : 129 บาท/เดือน

โดยแต่ละบริการของ Deezer จะมีความแตกต่างกันด้านฟีเจอร์ สามารถดูได้จากตางรางเปรียบเทียบด้าน
ลูกค้าสามารถจ่ายผ่านบัตรเครดิตได้


Dtac Dezer คืออะไร ดียังไง แล้วแตกต่างจากจากราคา 89,129 บาทต่อเดือนยังไง, ?
 Dtac ให้บริการที่ชื่อว่า Dtac Deezer คือ แพ็กเก็ตเสริมอินเตอร์เน็ต ซึ่งถ้าใครที่เป็นลูกค้า Dtac อยู่แล้ว สามารถเข้าถึง Deezer ผ่านแอปพลิเคชั่นบน Smart Phone และ Tablet ได้  เมื่อสมัครแล้วจะรับสิทธิอะไรบ้าง
     1. เล่นอินเตอร์เน็ตได้ไม่จำกัด
     2. สามารถดาวน์โหลดเพลงกว่า 18 ล้านเพลงได้ทั่วโลก

ตางรางแพ็กเกต Dtac Deezer



*โปรโมชั่นในราคา 449 บาท/เดือน ช้ 3G ความเร็วสูงสุดถึง 42 Mbps หลังจากครบจำนวนที่กำหนดจะปรับลดความเร็วไม่เกิน 384 Kbps
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ Dtac

เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างแพ็กเกตอินเตอร์เน็ต 399 ต่อเดือน กับ โปร 499 ต่อเดือน

  1. โปร 399 ต่อเดือน ใช้ 3G ด้วยความเร็วไม่จำกัด 42 Mb/s ด้วยปริมาณข้อมูล 1 Gb เมื่อครบแล้ว ความเร็วจะจำกัดอยู่ที่ 64 Kb/s
  2. โปร 499 ต่อเดือน ใช้ 3G ด้วยความเร็วไม่จำกัดที่ 42 Mb/s ด้วยปริมาณข้อมูล 1.2 เมื่อใช้งานครบแล้วจะจำกัดความเร็วอยู่ที่ 348 Kb/s
ติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง
Facebook: http://www.facebook.com/deezer
Twitter: http://www.twitter.com/DeezerUK


สามารถดาวน์โหลดตามระบบปฏิบัติการ ได้ดังนี้



ทำความรู้จักกับ MongoDB [การติดตั้ง MongoDB สำหรับ Windows,การ Insert, Update, Remove ข้อมูล]



MongoDB คือ NoSQL รูปแบบหนึ่ง ที่ไม่เหมือนกับ MySQL แน่ๆ ซึ่ง NoSQL ก็มีข้อจำกัดและความสามารถบางอย่างที่ไ่ม่สามารถแทน MySQL ได้ทั้งหมด

จุดเด่นของ NoSQL ส่วนใหญ่ คือความสามารถในการ write ข้อมูลได้เร็วกว่า MySQL เป็นอย่างมาก หากงานที่เราทำนั้นเน้นการ write ข้อมูลมากๆ เช่นต้องเก็บ Log แบบตลอดเวลาแบบ Real-time ทุกการกระทำ และข้อมูลมีขนาดใหญ่โตมาก การใช้งาน MongoDB ก็จะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

MongoDB เป็น database แบบ Document-Oriented โดยลักษณะข้อมูลที่ทำการเก็บจะคล้ายกับ JSON เป็นอย่างมาก มีข้อดีอย่างมากคือ Row แต่ละ Row ไม่จำเป็นต้องมีโครงสร้างข้อมูลเหมือนกัน

ในเรื่อง Memory การช้ NoSQL หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าจะกิน Memory ซึ่งไม่เป็นความจริง

การออกแบบ Database Schema MongoDB มีความยืดหยุ่นในการออกแบบสูงกว่า MySQL ในโลกของ MySQL เรามี Primary Key, Foreign Key สำหรับเชื่อมข้อมูลหลายตารางเข้าด้วยกัน แต่ในโลกของ MongoDB เราอาจกระจายข้อมูลไว้ในหลายตาราง (MongoDB เรียกว่า Collection) แล้วเชื่อมกันด้วย Reference ก็ได้ หรือเราจะเก็บเป็น Embedded Document ก็ได้ ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป 

แอปที่มีลักษณะการเก็บข้อมูลเป็นเอกสาร เช่น กระทู้ บล็อก ประกาศขายสินค้า ที่ไม่ต้องเอาเอกสารไปสร้าง Relation กับข้อมูลอื่นๆ มาก และมีความต้องการขยายข้อมูลออกไปเรื่อยๆ ไม่มีการลบข้อมูลเก่าออกจากระบบ มีผู้ใช้เข้าใช้งานหนาแน่น ก็ลองพิจารณา MongoDB ดูครับ

การติดตั้ง MongoDB บน Windows
1.ก่อนอื่นเข้าไปที่ http://www.mongodb.org/downloads แล้วเลือก Dowload MongoDB for windows 64-bit



2.เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว จะได้ไฟล์ mongodb-win32-x86_64-2.4.9.zip  ดังรูป



3.จากนั้นทำการแตกไฟล์ (Unzip) มาเก็บไว้ที่ไดร์ C: หรือไดเรกทอรี่ต้องการได้เลยครับ เจ้าของกระทู้ขอเปลี่ยนชื่อโฟล์เดอร์ใหม่เป็น mongodb เพื่อให้ง่ายกับการใช้คำสั่งบน Command line



3.สร้างโฟล์เดอร์ data/db

พิมพ์คำสั่ง Make Directory บน Command Line ก็ได้ เราจะได้โฟล์เดอร์ data/db 

>cd\
>md data\db







4. เปิดการทำงานของ MongoDB บน Server ใช้คำสั่ง


>C:\mongodb\bin\mongod.exe




5.เปิด Command Line อีกหน้าต่างหนึ่ง ทดสอบการ Connect ระหว่าง Client กับ Server พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้


>C:\mongodb\bin\mongo.exe




แสดงผลการเชื่อมต่อระหว่าง Client กับ Server


6. การ Insert Data 




7.การ Update ข้อมูล

ก่อนอัพเดทข้อมูล


หลังอัพเดทข้อมูล


8.การ Remove ข้อมูล



ศึกษาคำสั่งเพิ่มเติมได้ที่ http://docs.mongodb.org/manual/

การติดตั้ง Service MongoDB

เปิด Command Line (CMD) โดยเลือก Start > run >cmd แล้วคลิกขวาเลือก Run as administrator จากนั้นพิมพ์คำสั่ง

>C:\mongodb\bin\mongod.exe --config C:\mongodb\bin\mongod.cfg --install


การ Start Service ของ MongoDB สามารถทำได้ โดยการพิมพ์คำสั่ง ดังนี้

>net start MongoDB


การ Stop Service ของ MongoDB สามารถทำได้ โดยการพิมพ์คำสั่ง ดังนี้

>net stop MongoDB


และการลบ Service MongoDB ออกจาก Windows สามารถทำได้ โดยการพิมพ์คำสั่ง ดังนี้

>C:\mongodb\bin\mongod.exe --remove

การใช้ MongoDB กับ JAVA


1.การเชื่อมต่อ MongoDB 


การเชื่อมต่อไปยัง Server สำหรับ MongoDB Version มากกว่าหรือเท่ากับ 2.10.0

// เวอร์ชั่นเก่า, uses Mongo
 Mongo mongo = new Mongo("localhost", 27017);
 
 // สำหรับเวอร์ชั่นมากกว่า 2.10.0, uses MongoClient
 MongoClient mongo = new MongoClient( "localhost" , 27017 );

2.สร้าง Database 

การสร้าง Database หากไม่มีชื่อ Database นี้อยู่ MongoDB จะทำการสร้าง Database ใหม่ขึ้นมาให้

 DB db = mongo.getDB("database name");
แสดงข้อมูลใน Database ทั้งหมด
 List<String> dbs = mongo.getDatabaseNames();
 for(String db : dbs){
  System.out.println(db);
 }

3. Mongo Collection

ดึงค่าจาก Collection หรือTable ใน MySQLไม่ใช่ Table ซะทีเดียว แต่อยู่ในระดับเดียวกัน
 DB db = mongo.getDB("testdb");
 DBCollection table = db.getCollection("user");
แสดงข้อมูลจาก Collection ที่เลือกจาก Database
 DB db = mongo.getDB("testdb");
 Set<String> tables = db.getCollectionNames();
 
 for(String coll : tables){
  System.out.println(coll);
 }

4. Save example

จัดเก็บข้อมูล(Data) ลงใน (Collection) ชื่อ “user”.
 DBCollection table = db.getCollection("user");
 BasicDBObject document = new BasicDBObject();
 document.put("name", "mkyong");
 document.put("age", 30);
 document.put("createdDate", new Date());
 table.insert(document);

5. ตัวอย่างการ Update ข้อมูล

อัพเดทข้อมูลที่ “name=mkyong”.
 DBCollection table = db.getCollection("user");
 
 BasicDBObject query = new BasicDBObject();
 query.put("name", "mkyong");
 
 BasicDBObject newDocument = new BasicDBObject();
 newDocument.put("name", "mkyong-updated");
 
 BasicDBObject updateObj = new BasicDBObject();
 updateObj.put("$set", newDocument);
 
 table.update(query, updateObj);

6. ตัวอย่างการค้นหา(Find) ข้อมูล

ค้นหา Documnet ที่ "name=mkyong”, และแสดงข้อมูลด้วย DBCursor
 DBCollection table = db.getCollection("user");
 
 BasicDBObject searchQuery = new BasicDBObject();
 searchQuery.put("name", "mkyong");
 
 DBCursor cursor = table.find(searchQuery);
 
 while (cursor.hasNext()) {
  System.out.println(cursor.next());
 }

9. Delete example

ค้นหา Document ที่ “name=mkyong”, และลบออก
 DBCollection table = db.getCollection("user");
 
 BasicDBObject searchQuery = new BasicDBObject();
 searchQuery.put("name", "mkyong");
 
 table.remove(searchQuery);

ตัวอย่างโค๊ดทั้งหมดของโปรแกรม Hello World!

package com.example.news;

import java.net.UnknownHostException;
import com.mongodb.DB;
import com.mongodb.DBCollection;
import com.mongodb.MongoClient;
import com.mongodb.MongoException;
import android.app.Activity;
import android.os.Bundle;
import android.view.Menu;
import android.widget.TextView;

public class MainActivity extends Activity {
protected TextView add;

@Override
protected void onCreate(Bundle savedInstanceState) {
super.onCreate(savedInstanceState);
setContentView(R.layout.activity_main);
add = (TextView) findViewById(R.id.textView1);

try {
/**** Connect to MongoDB ****/
// Since 2.10.0, uses MongoClient
MongoClient mongo = new MongoClient("localhost", 27017);

/**** Get database ****/
// if database doesn't exists, MongoDB will create it for you
DB db = mongo.getDB("testdb");

/**** Get collection / table from 'testdb' ****/
// if collection doesn't exists, MongoDB will create it for you
DBCollection table = db.getCollection("user");

/**** Insert ****/
// create a document to store key and valu

}
catch (UnknownHostException e) {

} catch (MongoException e) {
e.printStackTrace();
}
}

@Override
public boolean onCreateOptionsMenu(Menu menu) {
// Inflate the menu; this adds items to the action bar if it is present.
getMenuInflater().inflate(R.menu.main, menu);
return true;
}

}


ที่มา:
http://www.thaicreate.com/community/mongodb-tutorial.html
http://www.mkyong.com/mongodb/java-mongodb-hello-world-example/
http://goo.gl/MZtAWa
http://goo.gl/fIZSc7